อันดับเเรกจัดหาสิ่งของที่จำเป็นในการเลี้ยงซะก่อนถ้ายังไม่ได้อ่านบทความเเรกย้อนไปดูก่อนได้ครับ
ถ้าได้อุปกรณ์ครบเเล้วมาเริ่มตั้งตู้กันเลยๆๆๆ เย้!!!!!!!!
1.จัดหาพื้นที่
ที่เหมาะสมกับการเลี้ยงคือ พื้นที่ตรงนั้นต้องไม่ค่อยมีความสว่างมากนัก{ถ้าเลี้ยงเน้นเปิดไฟเพื่อความสวยงาม} เพราะเเสงเเดดจะทำให้ตู้ของเรามีตะไคร่ขึ้นนั้นเอง เเล้วหาพื้นที่ ที่ไม่มีความต่างระดับของพื้น เพื่อทำให้ตู้เเข็งเเรงมาก ไม่เอียงนั่นเอง
2.นำทรายเป็นหรือทรายขาวที่ซื้อมารองพื้นตู้โดยให้ทรายสูงตามใจชอบ เเล้วนำหินเป็นที่ซื้อมาวางตกเเต่งตู้ให้สวยงามเเละต้องจัดให้เเข็งเเรงเพื่อเวลาปลาว่ายด้วยความเร็วจะไม่ทำให้หินเป็นถล่มเเล้วทำอันตรายต่อปลาที่เราเลี้ยง เเล้วนำเศษประการังกรองข้างที่ซื้อมาใส่ลงไปในช่องกรองของตู้
3.นำน้ำเปล่าที่ปราศจากคลอรีนหรือน้ำที่ผ่านการกรองระบบROใส่ลงไปในตู้ให้เต็มเเล้วเปิดระบบกรองทั้งหมดในตู้ปลาเพือทำให้ระบบน้ำหมุนเวียน ทิ้งไว้ซัก2นาที
4.นำเกลือวิทยาศาตร์ที่เตรยมมาเทลงในตู้เเล้วคอยวัดความเค็มให้ได้ อยู่ระหว่าง 1.020-1.025
เเล้วพอได้ความเค็มที่อยู่ระหว่านั้นเเล้ว หยุดใส่เกลือ
5.นำเเบบทีเรียชนิดผงที่นำไว้สำหรับทำระบบกรองใส่ลงไปในช่องกรองตามความเหมาะสมของขนาดตู้
6.ติดตั้งระบบไฟเเสงสว่าง
ติดตั้งไว้บนตู้ ถ้าเป็นไฟMhเควรตั้งเหนือตู้ประ 20-30cmเป็นอย่างน้อย เเต่ถ้าเป็นไฟฟลูออเรสเซนต์ก็สามารถติดตั้งตามขาที่โคมมีอยู่เเล้วได้เลย
7.เดินระบบทิ้งไว้ 7วัน เเล้วโยนเศษกุ้งตายเพื่อให้เป็นอาหารของเเบททีเรีย เปิดปิดไฟตามปกติเหมือนมีปลาอยู่ในตู้คือ เปิดไฟประมาณวันละ8-9 ชั่วโมงก็เพียงพอเเล้ว
8.จากนั้นเดินระบบกรองทิ้งไว้ 1เดือน เเล้วหมั่นคอยวัดความเค็มเติมน้ำจืดลงไป ปรับความเค้มไห้ได้อยู่ระหว่าง 1.020-1.025
9.พอครบ1เดือนนำชุดเทสน้ำที่ซื้อมามาลงเทสว่าน้ำมีความเหมาะสมหรือไม่ ถ้าน้ำไม่ดีก็ต้องเปลี่ยนน้ำ
หรือรอจนกว่าค่าน้ำ จะอยู่ในเกณต์ดี เเต่ถ้าน้ำอยุ่ในเกณต์ดีก็สามารถเริ่มนำปลามาลงได้เลยทีละน้อย
ผมขอจบบทความนี้้ใว้เพียงเท่านี้ ไม่มีรูปกระกอบครับต้องขออภัยด้วยครับ ณ ที่นี้
วันอาทิตย์ที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2554
วันเสาร์ที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2554
อุปกรณ์ที่สำคัญสำหรับการเลี้ยงปลาทะเล
บทความนี้ถูกเขียนโดย IZe
สิ่งที่ผู้เลี้ยงต้องมีคือ
1.ใจ ถ้าผู้เลี้ยงคิดจะเลี้ยงเอาสนุกๆ อย่าเลี้ยงเลยดีกว่าครับ เพราะเขาก็เป็นสิ่งมีชีวิตอย่างหนึ่งเหมือนกัน
2.เงิน ถามว่ามีงบ 4พันบาท เลี้ยงปลาทะเลได้ไหม ได้ครับเเต่อาจจะเเค่ปลาการ์ตูนกับตู้ปลา24นิ้วเท่า
นั้น
ถ้ามีทั้ง 2 ข้อข้างบนนี้เเล้วมาเริ่มกันเลยดีกว่าาาา เย้ !!!!!!!!
1.ตู้ปลา
ควรเป็นตู้โล่ง หรือตู้มีด้านกรองข้างเต็ม ควรมีขนาดขั้นต่ำ 24 นิ้ว เป็นอย่างต่ำ ขนาด เพราะว่าปลาตามหลักธรรมชาติเเล้ว ปลาเเต่ละตัวจะมีอาณาเขตโดยรอบรัศมี 1 ตัวต่อ 10-20เมตรตามเขตประการังน้ำตื้น ถ้าจะให้ดีควรเลี้ยงตู้ 36 เป็นตู้ที่มาตรฐานขนาดความหนาควรขั้นต่ำประมาณ 2หุน เป็นอย่างน้อยที่สุด
ตัวอย่างตู้ปลาที่เหมาะสมกับการเลี้ยง
2.ตู้กรองล่าง
ควรเป็นตู้ที่ทำมาโดยฌฉพาะสำหรับกรอง โดยเเบ่งเป็น3ช่องกระจกเป็นอย่างน้อย
ช่องเเรกเอาไว้ใส่ปั๊ม ช่องที่2ใส่เศษประการัง ช่องที่3 ใส่สกิมเมอรืเเล้วก็สามารใส่สาหร่ายเพือ่ช่วยลดเเอมโมเนีย เเละค่าในเตรทในตู้ได้
ในภาพเป็นตู้กรองเเต่เเบ่งเป้น4ช่องเพื่ออาจจะเลี้ยงสิ่งมีชีวิตเเยก
3.ปั๊มน้ำ
ช่วยเพิ่มอ๊อกซิเจนในน้ำ และช่วยกำจัดแอมโมเนีย ช่วยทำให้ระบบน้ำหมุนเวียนในตู้
ปั๊มน้ำ
4. เครื่องวัดความหนาแน่นหรือความเค็มของน้ำ
เป็นตัววัดความเค็ม ช่วยให้เรารู้ว่าน้ำทะเลที่เราเลี้ยงอยู่มีความเค็มเท่าไร เพื่อง่ายต่อการเลี้ยง เริ่มต้นจากราคา 120จนถึงหลักพันมีหลายเเบบเช่น
4.1ที่วัดความเค้มเเบบปรอท
ซึ่งราคาถูกที่สุดเลยก็ว่าได้ เเต่ความเสถียนไม่ค่อยจะดีซักเท่าไหร่ เเต่ก็ใช้ได้นะครับ
ที่วัดความเค้มเเบบปรอท
4.2 ที่วัดความเค็มเเบบตวง
อันนี้ก็ไม่ถือว่าสเถียนนะครับ เเต่ก็พอใช้ได้ครับ
ที่วัดความเค็มเเบบตวง
4.3กล้องส่องความเค็ม
มีความเสถียนเป็นอย่างสูงเลยครับ ก็เเป๊ะเลย
เพราะกรมประมงยอมรับครับ
กล้องส่องความเค็ม
5.เทอร์โมมิเตอร์
เพื่อแสดงอุณหภูมิของน้ำในตู้เลี้ยง เพื่อให้เราควบคุมอุณหภูมิให้คงที่
เทอโมมิเตอร์
6.ชุดทดสอบคุณภาพน้ำ
โดยเฉพาะชุดทดสอบแอมโมเนีย,ไนไตรต์ ,ความเป็นด่างของน้ำ(Alkalinity) และความเป็นกรด-ด่าง(pH)
เพื่อช่วยให้เราทราบคุณภาพของน้ำทะเลที่จะใช้ในการเลี้ยงว่ามีคุณภาพดีหรือไม่ ว่ามีระดับของเสียที่เป็นพิษต่อการเลี้ยงหรือไม่
ชุดทดสอบคุณภาพน้ำ
7.โปรตีนสกิมเมอร์
เป็นตัวช่วยที่สำคัญตัวหนึ่งในการเลี้ยงปลาทะเล เป็นตัวสกัดเมือกและสิ่งสกปรกที่ปนอยู่ในน้ำให้ออกมาเป็นของเสีย ก่อนที่จะแปรรูปเป็นแอมโมเนียและไนไตรต์
โปรตีนสกิมเมอร์
8.ระบบเเสงสว่าง
ตัวอย่างโคมไฟMH
9. หินเป็นและทรายรองพื้น
หินเป็นหรือหินโสโครก เป็นที่อยู่อาศัยของแบคทีเรียหลากหลายชนิดทั้งแบคทีเรียที่ใช้และไม่ใช้อ๊อก ซิเจนในการดำรงชีพ เป็นตัวช่วยใน การบำบัดน้ำอีกตัวหนึ่งที่สำคัญ
หินเป็นเเละทรายเป็นรองพื้น
10. น้ำทะเลหรือเกลือสำหรับทำน้ำทะเล
น้ำทะเลมีให้เลือกใช้ได้สองแบบ แบบที่1 ใช้น้ำทะเลจริงๆ แบบที่2 เกลือสำหรับทำน้ำทะเล
10.1น้ำทะเลจริงมีขายตามสวนจักตุจักรเเละร้านขายปลาทะเลทั่วไปราคาอยู่ที่ประมาณ ลิตรละ1-2บาท
10.2 น้ำทะเลเทียมซึ่งมาจากเกลือวิทยาศาสตร์ที่ละลายน้ำเเล้วได้ความเค็มที่เหมาะสมคือระหว่าง 1.020-1.025 ซึ่งเป็นความเค็มที่สามมารถเลี้ยงปลาเเละประการังด้วยได้ เเต่ถ้าอยากจะเลี้ยงปลาล้วนเเล้ว
ลดความเค็มมาอยู่ที่ประมาณ 1.015-1.020 จะดีเพราะความเค็มเท่านี้ปลาจะอยู่ได้เเต่พวกเชื้อโรคจะตายทำให้ไม่ค่อยเกิดโรคต่อปลาที่ท่านเลี้ยง
เกลือสำหรับเลี้ยงปลาทะเล
11.เเบคทีเรียสำเร็จรูปชนิดผง
เเบคทีเรียชนิดผง
นี่ครับอุปกรณ์สำคัญที่สำหรับเลี้ยงปลาทะเลครับ ถ้ายังไม่มีไปหาซื้อมาได้เลยครับที่สวนจักตุจักร โซนปลาสวยงานครับ
วันนี้ผมเหนื่อยๆๆมากๆเเล้วไว้พรุ่งนี้เราจะมาต่อกันเรื่องการตั้งตู้กันนะครับ
ผมหวังว่าบทความที่ผมเขียนขึ้นมาอยากจะให้ประโยช์นกับใครๆหลายคนที่จะเริ่มเลี้ยงปลาทะเลไม่มากก็น้อยครับ
ขอบคุณภาพจากเว็ปต่างๆครับ
สิ่งที่ผู้เลี้ยงต้องมีคือ
1.ใจ ถ้าผู้เลี้ยงคิดจะเลี้ยงเอาสนุกๆ อย่าเลี้ยงเลยดีกว่าครับ เพราะเขาก็เป็นสิ่งมีชีวิตอย่างหนึ่งเหมือนกัน
2.เงิน ถามว่ามีงบ 4พันบาท เลี้ยงปลาทะเลได้ไหม ได้ครับเเต่อาจจะเเค่ปลาการ์ตูนกับตู้ปลา24นิ้วเท่า
นั้น
ถ้ามีทั้ง 2 ข้อข้างบนนี้เเล้วมาเริ่มกันเลยดีกว่าาาา เย้ !!!!!!!!
1.ตู้ปลา
ควรเป็นตู้โล่ง หรือตู้มีด้านกรองข้างเต็ม ควรมีขนาดขั้นต่ำ 24 นิ้ว เป็นอย่างต่ำ ขนาด เพราะว่าปลาตามหลักธรรมชาติเเล้ว ปลาเเต่ละตัวจะมีอาณาเขตโดยรอบรัศมี 1 ตัวต่อ 10-20เมตรตามเขตประการังน้ำตื้น ถ้าจะให้ดีควรเลี้ยงตู้ 36 เป็นตู้ที่มาตรฐานขนาดความหนาควรขั้นต่ำประมาณ 2หุน เป็นอย่างน้อยที่สุด
ตัวอย่างตู้ปลาที่เหมาะสมกับการเลี้ยง
2.ตู้กรองล่าง
ควรเป็นตู้ที่ทำมาโดยฌฉพาะสำหรับกรอง โดยเเบ่งเป็น3ช่องกระจกเป็นอย่างน้อย
ช่องเเรกเอาไว้ใส่ปั๊ม ช่องที่2ใส่เศษประการัง ช่องที่3 ใส่สกิมเมอรืเเล้วก็สามารใส่สาหร่ายเพือ่ช่วยลดเเอมโมเนีย เเละค่าในเตรทในตู้ได้
ในภาพเป็นตู้กรองเเต่เเบ่งเป้น4ช่องเพื่ออาจจะเลี้ยงสิ่งมีชีวิตเเยก
3.ปั๊มน้ำ
ช่วยเพิ่มอ๊อกซิเจนในน้ำ และช่วยกำจัดแอมโมเนีย ช่วยทำให้ระบบน้ำหมุนเวียนในตู้
ปั๊มน้ำ
4. เครื่องวัดความหนาแน่นหรือความเค็มของน้ำ
เป็นตัววัดความเค็ม ช่วยให้เรารู้ว่าน้ำทะเลที่เราเลี้ยงอยู่มีความเค็มเท่าไร เพื่อง่ายต่อการเลี้ยง เริ่มต้นจากราคา 120จนถึงหลักพันมีหลายเเบบเช่น
4.1ที่วัดความเค้มเเบบปรอท
ซึ่งราคาถูกที่สุดเลยก็ว่าได้ เเต่ความเสถียนไม่ค่อยจะดีซักเท่าไหร่ เเต่ก็ใช้ได้นะครับ
ที่วัดความเค้มเเบบปรอท
4.2 ที่วัดความเค็มเเบบตวง
อันนี้ก็ไม่ถือว่าสเถียนนะครับ เเต่ก็พอใช้ได้ครับ
ที่วัดความเค็มเเบบตวง
4.3กล้องส่องความเค็ม
มีความเสถียนเป็นอย่างสูงเลยครับ ก็เเป๊ะเลย
เพราะกรมประมงยอมรับครับ
กล้องส่องความเค็ม
5.เทอร์โมมิเตอร์
เพื่อแสดงอุณหภูมิของน้ำในตู้เลี้ยง เพื่อให้เราควบคุมอุณหภูมิให้คงที่
เทอโมมิเตอร์
6.ชุดทดสอบคุณภาพน้ำ
โดยเฉพาะชุดทดสอบแอมโมเนีย,ไนไตรต์ ,ความเป็นด่างของน้ำ(Alkalinity) และความเป็นกรด-ด่าง(pH)
เพื่อช่วยให้เราทราบคุณภาพของน้ำทะเลที่จะใช้ในการเลี้ยงว่ามีคุณภาพดีหรือไม่ ว่ามีระดับของเสียที่เป็นพิษต่อการเลี้ยงหรือไม่
ชุดทดสอบคุณภาพน้ำ
7.โปรตีนสกิมเมอร์
เป็นตัวช่วยที่สำคัญตัวหนึ่งในการเลี้ยงปลาทะเล เป็นตัวสกัดเมือกและสิ่งสกปรกที่ปนอยู่ในน้ำให้ออกมาเป็นของเสีย ก่อนที่จะแปรรูปเป็นแอมโมเนียและไนไตรต์
โปรตีนสกิมเมอร์
8.ระบบเเสงสว่าง
สำหรับการเลี้ยงปลาทะเลโดยที่ไม่เลี้ยงปะการังนั้น สามารถใช้ไฟอะไรก็ได้
เพื่อให้แสงสว่างและความสวยงามตามปกติ ซึ่งส่วนใหญ่จะนิยมแสงสีขาวจากหลอด
ฟลูออเรสเซนต์ ผสมกับแสงสีฟ้าจากหลอด blue แต่สำหรับกรณีที่มีการเลี้ยงปะการังนั้น
จำเป็นจะต้องเพิ่มปริมาณไฟ เนื่องจากปะการังส่วนใหญ่ดำรงชีวิตโดยการสังเคราะห์แสง
ซึ่งต้องใช้แสงปริมาณมากและต่างกันไปตามความต้องการของปะการังแต่ละชนิด ซึ่งหลอดไฟ
ที่สามารถเลี้ยงปะการังชนิดที่ต้องการแสงจัด ( ส่วนมาก ) ได้ดีและเป็นที่นิยม คือ หลอดไฟ MH
ซึ่งจะเกิดปัญหาในเรื่องของอุณหภูมิตามมาและมีราคาค่อนข้างสูง แต่สำหรับปะการังที่ใช้
แสงน้อยก็ สามารถใช้หลอดฟลูออเรสต์เซนต์หลายๆหลอดในการเลี้ยงได้ และปะการังบางชนิด
ก็ไม่ใช้แสงในการดำรงชีวิตต่างกันออกไปซึ่งไฟที่เราจะเลือกนั้นขึ้นอยู่กับชนิดของสิ่งมีชิวิตที่
เราจะเลี้ยง ซึ่งโดยปกติแล้้ิวหลอดไฟต่างๆจะมีอายุการใช้งานที่จำกัด ( ประมาณ 1 ปี )
ซี่งเมื่อหมดอายุ หลอดไฟจะให้ค่าความสว่างลดลงและอาจมีสีที่ผิดเพี้ยนจากเดิม
เพื่อให้แสงสว่างและความสวยงามตามปกติ ซึ่งส่วนใหญ่จะนิยมแสงสีขาวจากหลอด
ฟลูออเรสเซนต์ ผสมกับแสงสีฟ้าจากหลอด blue แต่สำหรับกรณีที่มีการเลี้ยงปะการังนั้น
จำเป็นจะต้องเพิ่มปริมาณไฟ เนื่องจากปะการังส่วนใหญ่ดำรงชีวิตโดยการสังเคราะห์แสง
ซึ่งต้องใช้แสงปริมาณมากและต่างกันไปตามความต้องการของปะการังแต่ละชนิด ซึ่งหลอดไฟ
ที่สามารถเลี้ยงปะการังชนิดที่ต้องการแสงจัด ( ส่วนมาก ) ได้ดีและเป็นที่นิยม คือ หลอดไฟ MH
ซึ่งจะเกิดปัญหาในเรื่องของอุณหภูมิตามมาและมีราคาค่อนข้างสูง แต่สำหรับปะการังที่ใช้
แสงน้อยก็ สามารถใช้หลอดฟลูออเรสต์เซนต์หลายๆหลอดในการเลี้ยงได้ และปะการังบางชนิด
ก็ไม่ใช้แสงในการดำรงชีวิตต่างกันออกไปซึ่งไฟที่เราจะเลือกนั้นขึ้นอยู่กับชนิดของสิ่งมีชิวิตที่
เราจะเลี้ยง ซึ่งโดยปกติแล้้ิวหลอดไฟต่างๆจะมีอายุการใช้งานที่จำกัด ( ประมาณ 1 ปี )
ซี่งเมื่อหมดอายุ หลอดไฟจะให้ค่าความสว่างลดลงและอาจมีสีที่ผิดเพี้ยนจากเดิม
ตัวอย่างโคมไฟMH
9. หินเป็นและทรายรองพื้น
หินเป็นหรือหินโสโครก เป็นที่อยู่อาศัยของแบคทีเรียหลากหลายชนิดทั้งแบคทีเรียที่ใช้และไม่ใช้อ๊อก ซิเจนในการดำรงชีพ เป็นตัวช่วยใน การบำบัดน้ำอีกตัวหนึ่งที่สำคัญ
หินเป็นเเละทรายเป็นรองพื้น
10. น้ำทะเลหรือเกลือสำหรับทำน้ำทะเล
น้ำทะเลมีให้เลือกใช้ได้สองแบบ แบบที่1 ใช้น้ำทะเลจริงๆ แบบที่2 เกลือสำหรับทำน้ำทะเล
10.1น้ำทะเลจริงมีขายตามสวนจักตุจักรเเละร้านขายปลาทะเลทั่วไปราคาอยู่ที่ประมาณ ลิตรละ1-2บาท
10.2 น้ำทะเลเทียมซึ่งมาจากเกลือวิทยาศาสตร์ที่ละลายน้ำเเล้วได้ความเค็มที่เหมาะสมคือระหว่าง 1.020-1.025 ซึ่งเป็นความเค็มที่สามมารถเลี้ยงปลาเเละประการังด้วยได้ เเต่ถ้าอยากจะเลี้ยงปลาล้วนเเล้ว
ลดความเค็มมาอยู่ที่ประมาณ 1.015-1.020 จะดีเพราะความเค็มเท่านี้ปลาจะอยู่ได้เเต่พวกเชื้อโรคจะตายทำให้ไม่ค่อยเกิดโรคต่อปลาที่ท่านเลี้ยง
เกลือสำหรับเลี้ยงปลาทะเล
11.เเบคทีเรียสำเร็จรูปชนิดผง
เเบคทีเรียชนิดผง สำหรับทำระบบกรองชีวภาพ ช่วยสลายของเสีย ลดเเอมโมเนีย ไนไตรต์ ไนเตรท
ทำให้น้ำใส
นี่ครับอุปกรณ์สำคัญที่สำหรับเลี้ยงปลาทะเลครับ ถ้ายังไม่มีไปหาซื้อมาได้เลยครับที่สวนจักตุจักร โซนปลาสวยงานครับ
วันนี้ผมเหนื่อยๆๆมากๆเเล้วไว้พรุ่งนี้เราจะมาต่อกันเรื่องการตั้งตู้กันนะครับ
ผมหวังว่าบทความที่ผมเขียนขึ้นมาอยากจะให้ประโยช์นกับใครๆหลายคนที่จะเริ่มเลี้ยงปลาทะเลไม่มากก็น้อยครับ
ขอบคุณภาพจากเว็ปต่างๆครับ
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)